กระนั้นก็ตาม ค่อนข้างน่าประหลาดใจที่องค์กรส่วนใหญ่ยังขาดความตระหนักในความสำคัญของทักษะดิจิทัลของบุคลากร โดยผลการศึกษาของคณะกรรมการยุโรปในปี 2018 (Curtarelli, M., ICT for work: Digital skills in the workplace) พบว่าองค์กรกว่าร้อยละ 88 ยังไม่ได้แก้ไขปัญหาการขาดทักษะดิจิทัลให้กับบุคลากรของตน รวมทั้งการศึกษานั้นยังพบว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงองค์กรทางดิจิทัลนั้น ปัญหาจากการขาดทักษะดิจิทัลที่จำเป็นและการไม่ได้รับการฝึกอบรมทักษะดิจิทัลที่เพียงพอของบุคลากรคือความยากลำบากที่เกิดขึ้นในช่วงของการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว
ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลหรือ Digital Literacy นั้นเป็นทักษะด้านดิจิทัลพื้นฐานที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการปฏิบัติงาน การสื่อสารและการทำงานร่วมกันกับผู้อื่น รองรับการพัฒนากระบวนการทำงานหรือระบบงานขององค์กรให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพในโลกยุคดิจิทัล รวมทั้งสร้างโอกาสการเติบโตก้าวหน้าทางอาชีพให้กับบุคลากรที่มีความพร้อมด้านดิจิทัลดังกล่าวด้วย คำว่า Digital Literacy นั้นถูกเริ่มต้นโดย Paul Gilster ในหนังสือของเขา Digital Literacy ที่ตีพิมพ์ในปี 1997 ที่ให้ความหมายไว้ในช่วงเริ่มต้นของยุคดิจิทัลคือ ความสามารถในการเข้าใจและใช้สารสนเทศในรูปแบบที่หลากหลายจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อมาพิจารณาถึงความต้องการในทักษะดิจิทัลของบุคลากรนั้น องค์กรต่างๆ จะคาดหวังถึงความตระหนัก ทัศนคติ และความสามารถของบุคลากรที่เพียงพอต่อการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลในการระบุ เข้าถึง จัดการ เชื่อมโยง วิเคราะห์ และสังเคราะห์แหล่งข้อมูลต่างๆ และการสร้างสรรค์สารสนเทศและองค์ความรู้ใหม่ รวมทั้งการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นในองค์กรและนอกองค์กรด้วย
จากรายงานผลการศึกษาทักษะดิจิทัลในการทำงานยุค Digital Transformation ที่สถาบันวิทยาการจัดการ ทริส คอร์ปอเรชั่น (TRIS Academy of Management-TAM) เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ปรากฎความคิดเห็นของผู้บริหารองค์กรไทยต่อประโยชน์ของทักษะดิจิทัลที่ส่วนใหญ่จะมองไปในด้านของการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ Digital Work Research (2018) ที่เผยว่า บุคลากรที่ขาดทักษะดิจิทัลจะเสียเวลาในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับ IT มากถึง 22 นาที ต่อวัน และส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงกว่าร้อยละ 8
สำหรับอุปสรรคหลักในการเรียนรู้ทักษะดิจิทัลคือ การขาดความกระตือรือร้นที่จะอยากเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ของบุคลากรเป็นประเด็นที่พบมากที่สุด รองลงมาคือการขาดความตระหนักรู้ในความสำคัญของทักษะดิจิทัล และบุคลากรยังยึดติดในการทำงานแบบดั้งเดิมอยู่ ตามลำดับ ทั้งนี้จากรายงานการศึกษา Aligning the organization for its digital future (Kiron, D. 2016) พบว่าบุคลากรส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 70 คาดหวังให้องค์กรสนับสนุนการพัฒนาทักษะของตนให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมใหม่ในยุคดิจิทัล ขณะที่มีเพียงร้อยละ 42 ได้รับการสนับสนุนดังกล่าวแล้วในปัจจุบัน
ถึงเวลาแล้วที่องค์กรต้องให้ความสำคัญกับ Digital Literacy เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัลหรือ Digital Transformation นั้น เป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และบรรลุตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้
ศึกษารายงานผลการศึกษาทักษะดิจิทัลในการทำงานยุค Digital Transformation ที่สถาบันวิทยาการจัดการ ทริส คอร์ปอเรชั่น (TRIS Academy of Management-TAM) ได้ที่ https://www.tris.co.th/digital_transformation/